รีวิวหนัง : The Unholy เทวาอาถรรพณ์

ผู้กำกับภาพยนตร์: Evan Spiliotopoulos (กำกับหนังเรื่องแรก ก่อนหน้าเขียนบทภาพยนตร์ Hercules เวอร์ชั่นเดอะร็อค, The Huntsman: Winters War, Beauty and the Beast, Charlie’s Angels)

โปรดิวเซอร์: Sam Raimi (กำกับภาพยนตร์ Evil Dead, Spider-Man ภาค 1-2)

The Unholy เทวาอาถรรพณ์ เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายสยองขวัญของ เจมส์ เฮอร์เบิร์ท เรื่อง ‘Shrine’ เล่าเรื่องของ ‘อลิซ’ เด็กสาวหูหนวกที่จู่ๆ อาการพิการก็หายไปทั้งหมดเมื่อได้พบกับพระแม่มารี หลังจากนั้นคำร่ำลือก็แพร่กระจายออกไปจนทำให้ผู้คนต่างพากันเดินทางมาเพื่อชมปาฏิหาริย์ด้วยตนเอง นักข่าวชายตกอับคนหนึ่งได้บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ครั้งนี้ด้วย เขาจึงตัดสินใจทำข่าวเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่จนเมื่อมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย เขาก็เริ่มสงสัยว่านี่เป็นพระแม่มารีจริงๆ หรือสิ่งอื่นกันแน่? รีวิวหนังเอเชียเก่าและใหม่

การเล่าเรื่องสำหรับเรื่องนี้อยู่ในโซนแย่เลยครับ น่าผิดหวัง เนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างเชยและจืดชืด เพราะมีภาพยนตร์เกี่ยวกับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบผิดฝาผิดตัวมานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นความเชยก็ยังไม่แย่เท่ากับเนื้อเรื่องที่แสนทื่อ โปรโมทไว้อย่างไรก็เล่าตรงตามนั้นเป๊ะ ไม่มีหักมุมพลิกล็อค ชั้นเชิงการเล่าเรื่องก็ต่ำมาก ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เพราะนี่เป็นผลงานกำกับครั้งแรกของผู้กำกับเรื่องนี้ แม้จะเขียนบทให้หนังใหญ่มาเป็นสิบปีก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยในเรื่องการคุมทิศทางหนังด้วยตัวเองนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นของการเล่าเรื่อง การตัดต่อ การนำเสนอด้านภาพและเสียง รวมไปถึงบรรดาฉากปีศาจหลอกหลอนนั้น ล้วนแล้วแต่นำเสนอออกมาได้น่าผิดหวังหมด อาการหนักสุดคงเป็นฉากผีหลอกที่แทบทั้งเรื่องจะใช้มุขให้ปีศาจกระโดดเข้าหน้ากล้องเพื่อทำให้ผู้ชมตกใจตลอด ช่วงแรกก็พอได้ ตื่นตาตื่นใจอยู่ แต่พอใช้มุขนี้ไปเรื่อยทั้งเรื่องก็เริ่มน่ารำคาญ ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของผีก็หนีไม่พ้นเป็นปีศาจตัวแห้งกระดูกอ่อน เดินและคลานกรอบแกรบไปมา ตัวอ่อนเป็นนักยิมนาสติก เรียกว่าภาพรวมนั้นทั้งไม่มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องและลูกเล่นของฉากสยองนั้นก็ไม่สร้างสรรค์ด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนแย่ของการเล่าเรื่องคือมันมีช่องโหว่ใหญ่มากอยู่ประมาณสองจุดหลักครับ จุดนึงอยู่ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งผมคงสปอยล์รายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ บอกได้แค่ว่าวิธีที่กลุ่มตัวเอกใช้ต่อสู้กับปีศาจในตอนท้ายนั้นดูไม่ฉลาดนัก จบเรื่องง่ายไปหน่อย อีกจุดนึงจะอยู่ช่วงกลางเรื่อง เป็นช่วงที่หลวงพ่อได้รับการรักษาจากโรคที่เป็นอยู่ด้วยพลังของปีศาจ (แต่เขาคิดว่าเป็นพลังของพระแม่มารี) หลังจากนั้นหลวงพ่อก็นั่งสูบบุหรี่ในโบสถ์ แต่จู่ๆ ควันที่พัดอยู่ทางนึงก็ลอยพัดกลับไปอีกด้าน ลอยเข้าไปในร่องของอิฐ ทำให้หลวงพ่อพบกับสมุดบันทึกเกี่ยวกับลัทธิซาตานและพลังของมัน ปีศาจรู้ว่าหลวงพ่อพบมันจึงอาฆาตและเข้าทำร้ายหลวงพ่อ ซึ่งพอได้ชมหนังจนจบก็ทำให้ผมเกิดความสงสัยกับฉากนี้อย่างหนัก...ทำไมควันบุหรี่ถึงลอยเข้าร่องนั้นพอดีเป๊ะ? หนังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ชัดเจนเลย และมันแย่ตรงที่สมุดที่หลวงพ่อเจอในร่องนั้นช่วยไขปริศนาทุกอย่างให้กระจ่าง และทำให้ตัวเอกเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวปีศาจได้ไวขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้แย่มาก เพราะคนเขียนบทที่ดีไม่ควรเอาความบังเอิญมาแก้ไขปัญหาเรื่อง มันดูถูกคนดูเกินไป แบบนี้จะพาเรื่องไปทางไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตรรกะในการแต่งเรื่องกันแล้ว

โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ก็ได้ตามมาตรฐานหนังสยองขวัญฮอลลีวูดทั่วไปครับ ด้วยงบประมาณราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เล็กไม่ใหญ่ งานศิลป์โดยภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การออกแบบเสื้อผ้าหน้าผม หรือการสร้างฉากนั้นก็ไม่ได้ดูหวือหวา ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นหรือน่าจับตามอง เพียงแต่เน้นให้สมจริงตามสถานการณ์และช่วงยุคสมัย แต่เรื่องนี้ก็ยังมีดีตรงที่งานวิชวลเอฟเฟ็คนั้นทำออกมาได้ใส่ใจคุณภาพดี ความสมจริงมาเต็ม ทำให้ฉากผีหลอกฉากสยองขวัญต่างๆ ดูไม่ปลอม เสียก็แค่บรรดาฉากหลอกผีมันคุณภาพต่ำไปหน่อย อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้

สรุปโดยภาพรวมแล้ว The Unholy เทวาอาถรรพณ์ จึงเป็นภาพยนตร์สยองขวัญจากฝั่งฮอลลีวูดที่ทำออกมาได้แย่ เนื้อเรื่องเชย ตรงๆ ทื่อๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่โปรโมทไว้เลย ชั้นเชิงการเล่าเรื่องก็แย่ เนื้อหาเรื่องขาดๆ เกินๆ และมีช่องโหว่หนักหลายจุด จังหวะหลอกผีก็ขาดความสร้างสรรค์ เอะอะก็จะให้ปีศาจกระโดดเข้าหน้ากล้องอย่างเดียว การขยับของปีศาจก็กรอบแกรบตามนิยม คุณภาพของการเล่าเรื่องสมกับเป็นการกำกับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ ส่วนด้านโปรดัคชั่นภาพรวมนั้นคุณภาพดูกลางๆ งานถ่ายภาพ ออกแบบฉาก หรือเสื้อผ้าหน้าผมก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามธรรมชาติของเรื่องเล่า เน้นสมจริงไม่เน้นโดดเด่น แต่มีสิ่งที่ดีคืองานสเปเชียลเอฟเฟ็คและวิชวลเอฟเฟ็คที่มีคุณภาพ ดูใส่ใจกับความสมจริงในระดับเยี่ยม...ใครเป็นคอหนังสยองขวัญฝั่งตะวันตก หาหนังดูฆ่าเวลาแบบไม่คิดมาก ไม่คาดหวังให้เนื้อเรื่องซับซ้อนมากมาย เชิญชมในโรงภาพยนตร์ได้เลย!