รีวิวหนังสยองขวัญ :The Wrath of Becky (2023)

 

สองปีหลังจากที่เธอรอดพ้นจากการถูกโจมตีอย่างรุนแรงในครอบครัว เบ็คกีพยายามสร้างชีวิตใหม่โดยอยู่ในความดูแลของหญิงชรา แต่เมื่อกลุ่มที่รู้จักกันในนาม The Noble Men บุกเข้าไปในบ้านของพวกเขา โจมตีพวกเขา และเอาสุนัขที่เธอรักไป เบ็คกี้จึงต้องกลับไปใช้วิธีเดิมเพื่อปกป้องตัวเองและคนที่เธอรักเบ็คกี้เป็นภาพยนตร์แอคชั่นระทึกขวัญแนวอินดี้ในปี 2020 เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเมื่อมันเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนหลังเกิดโรคระบาดทั่วโลก การแก้แค้นเล็กน้อยที่ตัวละครเอกอายุ 13 ปีของ Lulu Wilson รื้อกลุ่มนีโอนาซีที่มีผู้ต่อต้านประเภทที่ฉลาดอย่างเควินเจมส์ รีวิวหนังแอคชั่น หนังบู๊มันๆ

สามปีต่อมา The Wrath of Becky ภาคต่อที่สร้างชื่อเล่นอย่างน่าขบขันก็มาถึงแล้ว ซึ่งแม้ว่าจะนำเสนอเรื่องเซอร์ไพรส์เล็กน้อย แต่ก็ทำให้พอใจได้ด้วยการเสนอประเภทที่กระท่อนกระแท่นและมีสไตล์ที่เข้าและออกในเวลาจำกัด 84 นาที

ตั้งแต่เบ็คกี (วิลสัน) ล้างแค้นให้พ่อที่ล่วงลับไปแล้วในตอนจบของภาคแรก เธอจึงใช้เวลา 3 ปีที่ผ่านมาหลบหนีจากบ้านอุปถัมภ์และพยายามใช้ชีวิตนอกตาราง ในที่สุดเธอก็ลงเอยกับเอเลน่า (เดนิส เบอร์ส) หญิงสูงวัยผู้ใจดี ในขณะที่เธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ นั่นคือจนกระทั่งเธอบังเอิญไปเจอกับกลุ่มคนขวาจัดสามคนที่เป็นสมาชิกในชุดลัทธิฟาสซิสต์ที่รู้จักกันในชื่อ The Noble Menหลังจากการทะเลาะวิวาทกันในร้านอาหาร ชายทั้งสามบุกบ้านไร่ของเอเลน่า ผลที่กระทบกระเทือนจิตใจทำให้เบ็คกีต้องลงมือ โดยนำคนกลุ่มนี้ไปยังพื้นที่ชนบทห่างไกลของแดริล (ฌอน วิลเลียม สก็อตต์) ผู้นำของพวกเขา

The Wrath of Becky เป็นภาพยนตร์ที่คุณจะรู้ได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็สามารถคาดเดาได้ มันยังแสดงได้ดีและสร้างขึ้นอย่างน่าสนใจมากพอที่จะชดเชยส่วนใหญ่ได้

ในตอนนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย มีกลิ่นอายที่ดูโง่เขลาและไร้มารยาทมากกว่าในภาคแรกอย่างเบ็คกี้ อาจเป็นเพราะบุคลากรหลังกล้องเป็นคนใหม่เกือบทั้งหมด การเขียนบทและการกำกับดำเนินการโดยคู่หูผู้สร้างภาพยนตร์ Matt Angel และ Suzanne Coote ซึ่งได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่จากผลงานก่อนหน้าของพวกเขาอย่าง The Open House และ Hypnotic ควบคู่กับ Nick Morris นักเขียนร่วมผู้สร้างสรรค์ที่กลับมาเพียงคนเดียวของภาพยนตร์ต้นฉบับ