เมื่อคุณตั้งชื่อภาพยนตร์ว่า All Fun and Games คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าภาพยนตร์นั้นสนุกและเต็มไปด้วยเกมอย่างเหมาะสม น่าเสียดายที่นั่นเป็นขั้นตอนที่ผู้กำกับ Eren Celeboglu และ Ari Costa พยายามเปลี่ยนความบันเทิงในสนามเด็กเล่น เช่น ซ่อนหาหรือแท็กไฟฉายให้กลายเป็นสถานการณ์สยองขวัญที่อันตรายถึงชีวิต เซเลโบกลู, คอสต้า และผู้ร่วมเขียนบท เจ.เจ. เบรเดอร์นำแนวคิดที่น่าสนใจมาเขียนบนกระดาษและปรุงมันเหมือนพ่อครัวที่ทำพิซซ่าในเตาอบหินเย็น โดยปกติแล้วฉันจะมีเวลาสั้น ๆ และไพเราะประมาณ 75 นาที แต่ความสนุกและเกมทั้งหมดเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของการเล่าเรื่องที่มีคุณค่าพื้นผิวซึ่งแทบจะไม่ได้เริ่มต้นก่อนที่เครดิตจะประกาศว่า "เกมจบลง"
การสังหารหมู่เกิดขึ้นที่เมืองซาเลม รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นสถานที่หลอนในอดีต มีดแกะสลักกระดูกต้องคำสาปที่มีข้อความว่า "ฉันจะเล่น ฉันจะไม่เลิก" ขูดเข้าไปในใบมีดเลือกเหยื่อที่จะครอบครอง ซึ่งจะบังคับให้ผู้บริสุทธิ์มีส่วนร่วมในการเล่นเกมที่บิดเบี้ยวโดยเด็กๆ ในช่วงเวลาก่อน Fortnite หรือ Neopets . สิ่งที่ควรจะเป็นค่ำคืนแห่งการเลี้ยงเด็กที่อากาศสบายๆ กลายเป็นการต่อสู้กับวิญญาณอาฆาตจากอดีตอันเลวร้ายของเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคยอย่างเจ็บปวดเมื่อตัวละครต่างๆ ร้องขอให้ถูกครอบงำในภาพยนตร์ที่เป็นเพียงละครสยองขวัญของเด็ก
ความหงุดหงิดที่ใหญ่ที่สุดของฉันคือการขาดความกระตือรือร้นในการใช้ประโยชน์จากเกมหลักสามเกมที่ใช้: เพชฌฆาต ซ่อนหา และแท็กไฟฉาย ประเภทสยองขวัญช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถขยายขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาได้ แต่ All Fun and Games ให้ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากกับวิธีที่เกมที่กล่าวมาข้างต้นเกี่ยวข้องกับการฆ่าและความรุนแรง เกมซ่อนหาเป็นเพียงจอมวายร้ายที่ไล่ล่าเหยื่ออย่างช้าๆ
ในขณะที่เพชฌฆาตก็คิดไม่ถึงอีกแล้วที่จะได้จดหมายสองฉบับเข้ามาในรอบนั้น แท็กไฟฉายเป็นเกมเดียวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการปรับแต่งอันน่าสยดสยองที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลและความหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นก็ยังถูกถล่มด้วยเอฟเฟกต์ไฟดิจิทัลที่น่าเบื่อซึ่งผู้เข้าร่วมแสงจะสว่างขึ้นเมื่อถูก "แท็ก" เซเลโบกลูและคอสตาควบคุมความคิดของพวกเขาไปพร้อมๆ กับการทำซ้ำอย่างเบสที่สุด โดยล้มเหลวในการพบกับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในแบบที่ได้รับชัยชนะที่คู่ควรกับการเฉลิมฉลองรีวิวหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น
Comments
Post a Comment